วันนี้ของฉันกับการเขียนเพลงตัวเอง
การเขียนเพลงถือว่าเป็นการจดบันทึกเรื่องราวอีกอย่างหนึ่งที่เราสามารถร้อยเรียงประโยคและคำพูดได้ตามใจของเรา แต่การเขียนเพลงที่ดีนอกจากจะใช้ประโยคและคำที่ดีต้องมีสาระในทางที่ดีด้วยถ้าหากเรานำความรู้หรือประสบการณ์ที่ผิดๆเขียนไปในเพลงเรา มันอาจจะทำให้เกิดความเชื่อผิดๆตามมาทีหลังก็เป็นได้
วันหนึ่งผมเกิดความคิดที่อยากเขียนเพลงตามความคิดของตัวเองขึ้นมาอย่างจริงๆจังๆเกี่ยวกับความรัก แต่ไม่อยากให้เป็นเนื้อหาเพลงที่ออกไปทางซีเรียสสักเท่าไหร่ อยากจะเน้นประโยคให้คนจำได้และร้องตามได้ด้วย เลยไปนึกประโยคหนึ่งที่ชอบพูดกับเพื่อนในกลุ่มเวลานั่งดื่มสังสรรค์กัน ซึ่งประโยคนั้นคือ “รักเธอที่ความคิด ไม่ใช่พิษของสุรา” จึงเป็นที่มาของเนื้อเพลงที่ผมเรียบเรียงว่า “อยากจะบอกว่ารัก เธอที่ความคิด ไม่ใช่ที่พิษ ของสุรานะ” ซึ่งผมมานั่งวิเคราะห์กับประโยคนี้คนเดียวโดยใส่ความคิดตัวเองไปว่า มันก็จริงนะ เวลาคนเราเมามักจะพูดมากและชอบหลุดปากกับความลับในใจตัวเองเกี่ยวกับเรื่องความรัก และก็ความในใจต่างๆที่อยากระบายออกมา ต่อมาผมเลยคิดว่าจะใส่ประโยคอะไรอีกให้มันจบท่อนฮุคของเพลงนี้แล้วฟังดูละมุนที่สุดและน่าจดจำที่สุด เพื่อไม่ให้เสียเอกลักษณ์ของเนื้อร้องผมเลยคิดว่า ถ้ามีคนที่กำลังอยู่ในอาการเมาสักคนหนึ่งมาบอกรักผม ผมคงจะถามเขากลับไปว่า “เมาหรือเปล่า ? บอกแบบนี้แน่ใจหรอ ?” แล้วคนที่เมาเขาจะบอกอะไรผมต่อ ผมเลยนึกประโยคอีกประโยคหนึ่งออกว่า “หากว่าเธอไม่แน่ใจ ให้เธอได้คิดอีกสักครั้ง” มาถึงประโยคจบท่อนฮุค ผมก็พยายามคิดแล้วคิดอีกว่าจะจบท่อนฮุคยังไงดี ผมเลยมีคอนเซ็ปท์ว่าให้คนที่เมาพูดให้ผมเก็บไปคิดต่อเองดีกว่า เกี่ยวกับความรู้สึก เลยสรุปได้ประโยคจบว่า “หากตัวเธอนั้น ยังไม่แน่ใจ ก็ลองมาเปิดค้นไปด้วยกันไหม กับความรู้สึกที่แท้จริง ที่ฉันได้มีให้กับเธอ” และนี่ก็เป็นที่มากของท่อนฮุคเพลงผมครับ แต่สิ่งที่อยากกว่าท่อนฮุคคือ ก่อนท่อนเวิร์สจะเล่าอะไร ? ผมเลยคิดว่าลองเปลี่ยนมุมมองมาเป็นตัวผมที่เป็นคนเมาดูบ้าง ผมเลยคิดว่าถ้าเมาแล้วเมื่อคืนไปบอกรักใครไว้ผมจะมีอาการยังไงในตอนเช้าเลยได้ประโยคเริ่มเพลงว่า “ตื่นตอนเช้า แบบงงๆ เมื่อคืนฉันทำอะไรไว้ แต่ก็คิดว่าอะไร เธอถึงโมโหขนาดนี้” คราวนี้มาถึงท่อนก่อนเข้าฮุคผมเลยคิดว่าถ้าตกในสถานการณ์นั้นผมคงทำอะไรไม่ถูกนอกจากจะบอกเขาว่า “เธออาจจะเห็นที่ฉันทำอยู่ มันอาจจะดูไม่ค่อยโอเค แต่อยากให้มองลึกๆลงไป ที่ฉันเป็นอย่างนี้” หลังจากจบท่อนนี้ก็ขึ้นท่อนฮุคเลยครับ ซึ่งผมกลับมามองแล้วมันเป็นอะไรที่ลงตัว ซึ่งทั้งหมดในเพลงผมแค่อยากบอกว่า “คนเรา ถ้าจะรักใครสักคน มันออกมาจากความคิด ถึงเราจะเมาแบบไหนแต่มันก็ออกมาจากความคิดเราเหมือนเดิม”
ทั้งหมดที่พูดมานี้เป็นประสบการณ์ในการเขียนเพลงแบบจริงๆจังๆของผมครั้งแรกครับซึ่งมันอาจจะไม่มีเนื้อหาซับซ้อนอะไรมากนัก แต่หลังบันทึกออกมาแล้วผมก็รู้สึกว่าเพลงฟังติดหูดีครับ แต่ทั้งหมดในเพลงนี้ผมคิดถึงเรื่องการใช้คำที่ต้องระวังมากเป็นพิเศษเพราะมันมีเรื่องเกี่ยวกับสุรามาเป็นแก่นหลักของ
ทั้งนี้การเขียนเพลงที่ดีไม่ใช่แค่ต้องมีประโยคและคำที่สวยงามนะครับต้องมีสาระที่ดีด้วยอะไรที่มันไม่ได้สาระหรือฟังแล้วเกิดความคิดทางลบมันก็อาจจะเป็นสิ่งที่เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีให้แก่เยาวชนยุคหลังได้ อย่าลืมกันนะครับว่าทุกวันนี้ใครๆก็สามารถฟังอะไรได้แล้ว เพราะนี่คือยุคแห่งความสะดวกสบายจะเขียนเพลงบันทึกเรื่องราวอะไรก็ควรไตร่ตรองกันให้ดีครับ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น